สถานการณ์โควิด-19 ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่องและเหลือผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาลเพียงแค่ 277 ราย ทำให้หลายคนอาจคาดคิด อาจจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เหมือนเดิม ทั้งการเดินทางและการค้าขาย
แต่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.เผยว่า การกลับไปใช้ชีวิตตามปกติมีเงื่อนไขหลายอย่าง สำคัญที่สุดคือเรื่องยารักษาโรคหรือวัคซีน ซึ่งต้องเป็นวัคซีนที่รักษาให้หายขาด ไม่ใช่แค่ยับยั้งหรือบรรเทา ไม่ให้แพร่เชื้อ
นพ.ทวีศิลป์บอกว่า ถ้ามียารักษาโรคเมื่อไหร่จะทำให้การแพร่ระบาดของโรคหมดไปและควบคุมเชื้อโรคได้ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร ข้อมูลล่าสุดขณะนี้คาดว่าจะต้องควบคุมไปจนถึงต้นปีหน้า
นพ.ทวีศิลป์ระบุว่า สำหรับเงื่อนไขที่จะทำให้คนไทยกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ คือการใช้ชีวิตแบบ New Normal หรือชีวิตวิถีใหม่ โดยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ถ้าทุกคนปฏิบัติแบบนี้ให้เป็นวิถีชีวิตในทุก ๆ วัน จะสามารถลดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ และแม้ว่าตัวเลขผู้ติดจะลดลง แต่การควบคุมให้ตัวเลขเป็นศูนย์ ไม่ใช่แค่ควบคุมในประเทศเท่านั้น แต่ต้องเป็นศูนย์ทั่วโลก
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเท่าเดิมที่ 51 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตรายใหม่ แต่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 15 คน มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ จากห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว อาชีพเสี่ยง การค้นหาเชิงรุกที่จังหวัดยะลา 2 ราย และ State Quarantine รวมผู้ป่วยสะสม 2,922 ราย รักษาหายเพิ่ม 47 คน รวมรักษาหายแล้ว 2,594 ราย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 277 ราย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ นำอุปกรณ์สนับสนุนปฏิบัติการณ์ออกเหตุรับผู้ป่วยในภาวะการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ไปมอบให้กับกู้ชีพกู้ภัยสังกัดมูลนิธิเอกชนทั่วประเทศ ประกอบด้วยชุด PPE 6,600 ชุด หน้ากากอนามัย 520,000 ชิ้น ถุงมือยาง 100,000 คู่ ถุงเท้า 2,000 คู่ เจลแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ รวมถึงเฟสชิลด์และเสื้อกันฝนอีก 3,000 ชุดด้วย ซึ่งนายอนุทินระบุว่าจะพยายามจัดหาเวชภัณฑ์มาให้กับกู้ชีพกู้ภัยให้เพียงพอ เพราะเปรียบเสมือนด่านหน้าถึงตัวผู้ป่วยก่อน
ด้าน รอ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สพฉ. ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้สถานการณ์การขาดแคลนเวชภัณฑ์ ดีขึ้น เพราะ สพฉ.ได้สนับสนุนเวชภัณฑ์ผ่านสาธารณสุขจังหวัดไปให้แล้ว
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรุ่งนี้จะหนังสือทางไปรษณีย์ไปถึงประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนนายกรัฐมนตรี โดยด่วน และส่งเรื่องให้
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่าง ร้ายแรง หลังทำจดหมายเปิดผนึกถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จประมาณ 20 รายให้ความช่วยเหลือรัฐบาลและประชาชนในการเยียวยาในสถานการณ์โควิด-19