“ตอนนี้ก็รู้สึกหวาดหวั่นไม่รู้ว่าในบ้านจะมีงูอยู่อีกไหม ไม่รู้ว่าจะแอบอยู่ตรงไหนหรือเปล่า ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าจะมีอยู่กี่ตัว”
ความในใจของ “ร.ต.อ.ณรินทร์ นิลวงศ์” รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เปิดเผยในรายการเป็นเรื่องเป็นข่าวหลังจากเจอเรื่องราวชวนสยอง หลังจากวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ (14 ก.ย.60) เขาได้พบเจองูเหลือมในบ้านมาแล้วประมาณ 30 ตัว โดยมีทั้งที่อยู่ในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่อาศัยอยู่ได้มากว่า 5 ปีแล้ว ลักษณะบ้านเป็นบ้านเดี่ยว เป็นบ้านที่สร้างเอง ขณะที่ข้างบ้านก็เป็นบ้านคนทั่วไปมีต้นไม้ และคูน้ำรอบๆบ้าน แต่มีเขาบ้านเดียวที่พบเจอกับเหตุการณ์นี้
“ผู้กองณรินทร์” ย้อนเล่าเหตุการณ์สุดสยองว่า ตัวแรกที่เจอนั้นพบที่ชั้นวางรองเท้าหน้าบ้านก่อนจะตีตายไปตัวหนึ่ง จากนั้นก็เจอซ่อนอยู่ที่เหล็กดัดอีก 2 ตัว จึงแจ้งกู้ภัยมาทำการจับออกไป จากนั้นก็พบอีก 2 ตัว วันต่อมาก็ได้พบงูเหลือมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเมื่อวานนี้ ( 13 ก.ย.60) ได้แจ้งกู้ภัยมาจับได้เพิ่มอีก 19 ตัวภายในวันเดียว จากนั้นก็ได้คุยกับทีมกู้ภัยว่า ควรลงไปตรวจสอบบริเวณบ้าน ก็พบว่าไปเจอไข่อยู่ใต้บันไดหน้าบ้าน แล้วมีโพรงอยู่ด้านล่าง ก็พบไข่ประมาณ 30-40 ฟอง เหตุที่บ้านเป็นโพรงนั้นเพราะตอนที่ซ่อมบ้านพื้นมีการทำเป็นพื้นยกระดับไว้ แล้วทำไว้ว่าเผื่อจะมีการซ่อมแซมท่อน้ำ ก่อนหน้าที่จะเจองูในรอบนี้นั้น หลานเคยเจองูเห่าบริเวณบ้านเมื่อราวๆ 4-5เดือนที่แล้ว จึงมีการนำตาข่ายไปดักเพราะกลัวงูจะเข้าไปในโพรง แต่ไม่พบว่ามีงู หรือมาติด ตอนนี้นั้นยังไม่แน่ใจว่าจับหมดหรือยัง แต่ทางเทศบาลได้นำยาพ่นยุงมาฉีด ก็พบอีก 1 ตัว ตอนนี้เพียงแต่ลุ้นว่าจะมีงูออกมาอีกหรือเปล่า แต่ที่กลัวเพราะตอนแรกคิดว่ามาจากนอกบ้าน ไม่ได้คิดว่าอยู่ในบ้านเลยที่ผ่านมาเป็นการพบเจองูภายในบ้านถึง 2 ตัว โดยคาดว่าน่าจะมาจากระยะห่างของประตู
ขณะที่ จ.ส.ต.ภิญโญ พุกภิญโญ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยชำนาญการ กทม. และผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจับงู เปิดเผยว่า กรณีของบ้านของผู้กองณรินทร์ที่เป็นข่าวนั้น จากการสอบถามทราบว่ามีจุดที่มีรอยแตกที่เข้าไปซ่อมบำรุงบ้านน่าจะเป็นสาเหตุในงูเข้าไปงูในโพรง และคาดว่าน่าจะมีทางเข้าออกอื่นด้วย เพราะเจ้าของบ้านเคยได้มีการนำตาข่ายไปดักก่อนหน้านี้แล้ว ในจุดที่เป็นโพรงนั้นขอแนะนำให้มีการปิด แต่ไม่ได้ปิดถาวร หากจะใช้ค่อยเปิด เพราะหากเปิดไว้แบบนี้เมื่อเราไม่อยู่บ้านงูก็จะสามารถเข้าออกได้ อย่างแรกในตอนนี้คือการปิดโพรง ตรวจสอบบริเวณบ้าน และแนะนำให้ติดตาข่ายไว้ หากจุดที่เข้าไปได้แล้วไม่มีคราบหรือไม่มีงูออกมา กลับออกมาให้สันนิษฐานว่ามีทางเข้าออกจุดอื่นด้วย
“จากที่เห็นไข่ของงูที่อยู่ใต้โพรงบ้านข้างล่างนั้น เป็นคนละกลุ่มกับที่จับได้แรกๆ น่าเป็นคนละแม่กัน จากภาพที่เห็นน่าจะเป็นไข่นี่รอการฟัก ซึ่งงูเหลือมจะเป็นงูที่หาพื้นที่ชุ่มน้ำชื้นๆ ไว้ออกไข่ และที่บ้านนั้นไม่ได้มีสัตว์เลี้ยง ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้งูเข้าออกได้ง่าย และที่ผ่านมาเคยพบงูชนิดอื่นเข้ามาในบ้านด้วยเช่นกัน โพรงนี้แนะนำให้ปิดเพราะ โพรงด้านล่างเหล่านี้เป็นสิ่งที่งูชอบมาก เป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งที่เขาเข้าไปซุกเพื่อออกไข่ และควรที่จะป้องกันให้งูอยู่ข้างนอกเพื่อความปลอดภัย อย่าให้มีการเข้ามาในบ้านได้ เพราะถ้าเข้าในบ้านได้ งูก็จะไปอยู่ในห้องน้ำ อยู่ในห้องนอน ห้องครัว แล้วเราไม่ทันระวังและคิดว่าบ้านเราปลอดภัย ก็อาจจะได้รับอันตรายได้ จากการฟังสภาพแวดล้อมของบ้านผู้กองแล้วงูคิดว่าบ้านผู้กองน่าจะเหมาะสมกับการอยู่อาศัย กลายเป็น “โรงงานผลิตงู” ในทันที”
จ.ส.ต.ภิญโญ บอกต่อว่า งูเหลือมมีฟันที่แหลมคม สามารถกัดได้ฟันจะคมมาก แม้กระทั่งตัวเล็กๆ จะมีสัญชาติญาณหากมีอะไรมาคุกคาม มันจะโจมตีทันที พฤติกรรมงูเหลือมในช่วงกลางวันจะซุกอยู่ตามที่อุ่นๆ เช่นรองเท้า กองเสื้อผ้า แต่ถ้าเป็นกลางคืนที่เห็นอยู่ตามจุดต่างๆของบ้านคือรอเหยื่อ เช่น หนู เมื่อเจอเขาก็จะขยับตัว ให้ระวังสมาชิกในบ้าน เมื่อเจองูเหลือมอย่าไปจับเอง อย่าทำให้มันตกใจ ควรนิ่ง ไม่แนะนำให้จับเองควรแจ้งผู้เชี่ยวชาญ แล้วงูเหลือมสามารถมีระยะในการแว้งกัด เขาเป็นงูที่ไม่ใช้พิษในการล่าเหยื่อแต่จะใช้การแรงในการรัด ต้องรู้หลักในการจับ ฟันจะคมเหมือนใบมีด หากโดนกัดจะเป็นแผลเหวอะ มันจะไม่กัดเราก่อนหากไม่รู้สึกตกใจถูกคุกคามหรือโจมตี อย่าคิดว่าบ้านปลอดภัยเสมอไป ”
อย่างไรก็ตาม มือปราบอสรพิษ รายนี้บอกว่า ในช่วงนี้ที่การพบลูกงูจำนวนมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่ระยะงูเหล่านี้ฟักออกจากไข่พอดี ขณะนี้มีการจับได้ทุกวัน งูเหล่านี้จะเริ่มผสมพันธุ์กันตั้งแต่เดือนมกราคม ใช้เวลาตั้งท้อง 2 เดือน อีก 3 เดือนคือเวลาฟักไข่ รวมแล้วใช้เวลา 5 เดือนในการออกจากไข่ และจะมาเยอะในช่วงหน้าฝนพอดีที่พบเยอะๆในช่วงเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม จึงมีการจับได้ทุกวันจากการแจ้งของประชาชน ซึ่งหากพบงูในกรุงเทพมหานครสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 199 ส่วนต่างจังหวัดก็สามารถแจ้งหน่วยกู้ภัยได้ และขอแนะนำว่าไม่ควรที่จะจับงูด้วยตนเอง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้
