โดยแนวคิด “30 บาท รักษาทุกโรค” เริ่มต้นจากมาจากโครงการอยุธยา ที่ทดลองพัฒนาสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อคอยดูแลประชาชนในชุมชน จนขยายเป็นระดับประเทศ ชื่อว่า “โครงการปฏิรูประบบบริการสาธารณสุข” พร้อมกับมีการทดลองอีกหลายด้าน คือ
“บิ๊กตู่” ยันไม่เคยพูดโครงการ 30 บาท ที่ยูเอ็น ซัดรัฐบาลใครไม่รู้ ทำรพ.ขาดทุน
ปฏิรูประบบการเงินการคลัง
ด้วยสถานะทางการเงินของประชาชนเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข จึงทดลองให้ผู้ป่วยเสียค่าใช้จ่ายอัตราเดียวในทุกโรค แต่จะได้รับการรักษาอาการเจ็บป่วยจนถึงที่สุด ทำให้เกิดการ เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ในอัตราเฉลี่ย 70 บาท
การปฏิรูประบบการให้บริการ
ประชาชนจะได้รับการขึ้นทะเบียนกับสถานบริการใกล้บ้าน เป็น “สถานพยาบาลประจำครอบครัว” ในคอยดูแลสุขภาพ
การปฏิรูประบบความสัมพันธ์กับชุมชน
ให้ชุมชนเป็นเจ้าของ หรือมีส่วนในการตัดสินใจหลังจากดำเนินโครงการได้ 2 ปี ชุมชนได้มีส่วนในการตัดสินใจปรับเป็น 100 บาท ดูแลทุกโรค เพิ่มความเป็นเจ้าของของชุมชนและทำให้สถานพยาบาลมีความอุ่นใจในการพัฒนามากขึ้น
“ลุงตู่” ไลฟ์สดข้ามโลก ประสบความสำเร็จเวทียูเอ็น นานาชาติชื่นชมโครงการบัตร 30 บาท
ต่อมา พรรคไทยรักไทย เล็งเห็นความเป็นไปได้ของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านี้ จึงนำเอาไปใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงพรรคในการเลือกตั้ง จนกระทั่งได้รับการจัดตั้งเป็นรัฐบาล นำโดย ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมกับประกาศนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแก่ประชาชน ในชื่อ โครงการ “30 บาท รักษาทุกโรค” ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 และในวันที่ 19 พ.ย.2545 จึงเกิด พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 สมัย นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนจาก “30 บาทรักษาทุกโรค” เป็น “บัตรรักษาฟรี” และมาจนถึงพรรคประชาธิปัตย์ ให้ใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทอง ก็ยังไม่ต้องเสีย 30 บาทรักษาทุกโรค จนทุกวันนี้ก็ยังใช้บัตรประชาชนแทนบัตรทองเหมือนเดิม
ข้อมูล : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
