นายกฯ ยืนยันไม่เคอร์ฟิวส์ จชต. ชี้ผู้ก่อเหตุแค่ต้องการกดดัน ไม่ใช่ก่อการร้าย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




นายกฯ ยืนยันยังไม่มีประกาศเคอร์ฟิวส์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นการประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อปิดพื้นที่ติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ไม่ให้ข้ามแดนไปมา ยืนยันว่าการก่อเหตุแค่ต้องการกดดันเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่การก่อการร้าย พร้อมเดินหน้าพูดคุยสันติสุขต่อทุกกลุ่ม

นายกฯ วอนเลิกทะเลาะ ด่าประเทศเหมือนประจานตัวเอง

อดีต รมต.รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่เชื่อ "ประยุทธ์" จะนำทีมเศรษฐกิจได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประกาศเคอร์ฟิวส์ แลกการกำหนดกรอบเวลาบังคับใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ว่า ขณะนี้ยังไม่มี แต่หากจะประกาศใช้ก็ให้สั้นที่สุด ตอนนี้เป็นการใช้กฎหมายเพื่อผลของการสืบสวนสอบสวน ไม่ให้มีการข้ามไปมาในช่วงการไล่ติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ยืนยันว่าไม่อยากให้มีผลกระทบใด ๆ แต่ก็มีความจำเป็น ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหามาโดยตลอด ถ้าปิดพื้นที่ไม่ได้เลยก็จะเป็นปัญหา

เมื่อถามว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่มหน้าขาว มียุทธวิธีไปก่อเหตุและกลับไปกบดานอยู่ที่บ้านพักตัวเอง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ยังต้องสืบสวนสอบสวน วันนี้เริ่มมีความคืบหน้า แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เพราะต้องใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และหลักฐานอื่นประกอบ ไม่ใช่ไปจับใครก็ได้ ต้องเอาหลักฐานในที่เกิดเหตุไปติดตาม เพเราะมีข้อมูลอยู่แล้ว ทั้งเรื่องปืน กระสุน ปลอกกระสุนว่าเป็นชุดไหนที่ก่อเหตุ มีกลุ่มใดเกี่ยวข้องก็ต้องเอามาพิจารณาร่วมกัน ซึ่งกลไกการสืบสวนสอบสวนมีอยู่แล้ว ก็คงคืบหน้า จึงต้องขอเวลาทำงาน

ส่วนลักษณะการก่อเหตุและอาวุธที่ใช้ มีเป้าหมายมุ่งที่จะเอาชีวิตถือเป็นการก่อการร้ายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า เป็นกลยุทธ์ของผู้ก่อเหตุ คล้ายกับการก่อการร้าย คือ สร้างเหตุความรุนแรงเพื่อกดดันต่อรัฐ ต่อการทำงาน แล้วจะไปกดดันทำไม เพราะรัฐเองก็พยายามแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ด้วยการบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา สร้างการมีส่วนร่วม เราแก้ปปัญหาอย่างนี้ไม่ดีกว่าหรือ ถ้ามองว่าไปใช้ความรุนแรง ก่อการร้าย มันต้องมีหลายอย่่างเป็นองค์ประกอบ เช่น มีการยึดพื้นที่ มีการใช้ความรุนแรง แต่ตอนนี้ใช้อย่างเดียวคืออาวุธสงคราม ดังนั้นจึงมีเป้าหมายอย่างเดียวคือต้องการกดดันรัฐ แต่หากตีความผิด การแก้ปัญหาจะผิด และรุนแรงขึ้น

"ผลกระทบก็เกิดกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ได้ลดระดับผลกระทบกับประชาชนไปได้มากพอสมควร ทุกคนก็ร่วมมือ การบังคับใช้กฎหมายบางตัวก็ร่วมมือ และยอมให้ใช้ต่อไปเพราะเป็นประโยชน์ต่อเขา ไม่เดือดร้อน แต่คนที่มักมีปัญหา คือคนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จะมองสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว ผมคิดว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนต้องการไปละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนทั้งสิ้น และลองไปดูว่าสิ่งที่ผู้ก่อเหตุทำละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอื่นหรือไม่ ทั้งการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ไทยพุทธ ไทยมุสลิม ขณะเดียวกันก็ยังมีความเคลื่อนไหวให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายพิเศษ ก็อยากถามว่าจะทำไปเพื่ออะไร อยากให้ลองไปอยู่ในพื้นที่ดูว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ลองไปอยู่กับคนในพื้นที่นาน ๆ จะได้รู้"

ส่วนการหารือเรื่องการพูดคุยสันติสุขกับทางการมาเลเซียซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวกครั้งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับรายงานแล้ว ซึ่งได้มีการพูดคุยกับกลุ่มที่มีบทบาทอย่างแท้จริง เพื่อให้จังหวัดชายแดนใต้เกิดความปลอดภัยเกิดิสันติสุขอย่างยั่งยืน ซึ่งก็ต้องพูดคุยปรับวิธีการกันไป เพราะมีหลายกลุ่ม หลายฝ่าย หลายระดับ ทั้งผู้นำระดับการเมือง การทหาร คนรุ่นเก่า และคนรุ่นใหม่

"คนรุ่นเก่าจะพูดคุยในทางสันติวิธีมากขึ้น คนรุ่นใหม่ก็สร้างกลุ่มใหม่ขึ้นมาแทน ก็ต้องหาวิธีการว่าจะแก้ไขอย่างไร โดยวิธีเจรจากับกลุ่มที่มีบทบาทแท้จริงที่ก่อเหตุ ไม่ได้เอากลุ่มที่ไม่มีบทบาทมาพูดคุยไม่ได้ ซึ่งทางฝ่ายไทยได้พูดคุยไปบ้างแล้ว ขึ้นอยู่กับบางกลุ่มบางฝ่าย อยากมาพูดคุยหรือไม่ พวกนี้หรือกลุ่มหัวรุนแรงก็คงจะใช้วิธีการเดิม ๆ ต่อไป คงไม่มีใครบังคับได้ ถึงต้องใช้วิธีการไปพูดคุยที่ต่างประเทศ ยืนยันว่ายังเป็นแค่การพูดคุย ไม่ใช่การเจรจา เพราะหากเจรจาจะต้องเกิดการรบกันไปแล้ว เช่น เจรจาหยุดยิง แต่สถานการณ์นี้ยังไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายและทางการมาเลเซียก็ตอบสนองด้วยดีเสมอมา"

 

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ประเด็นร้อน
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ